วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

ประวัติส่วนตัว


ชื่อ : นาย ชัยวัฒน์ เจริญรัมย์ ชั้น ม.6/2   เลขที่ 41
อายุ : 17 ปี       ชื่อเล่น : เจ้าน้อย
วัน/เดือน/ปี เกิด : 29 เมษายน พ.ศ. 2540
กรุ๊ปเลือด : B
สัญชาติ : ไทย 
เชื้อชาติ : ไทย
ศาสนา : พุทธ 
ภมิลำเนา : 45 หมู่10 บ้านหนองตระเสก ตำบลกระสัง อำเภอกระสัง จังหวัด
                 บุรีรัมย์ 31160
ครูที่ปรึกษา :  1. ครู อิสรีย์   วงคง
                      2. ครู ศุภาพิชญ์   นะรารัมย์
อาชีพในฝัน : นักบิน,หมอ,ครู,ตำรวจ
การศึกษา : จบมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนกระสังพิทยาคม
            ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2
มหาวิทยาลัยที่อยากเรียนต่อ : มหาวิยาลัยทหารราชกะบาง
วิชาที่ชอบ : ฟิสิกส์,คณิตศาสตร์,ศิลปะ
วิชาที่ไม่ชอบ : ภาษาไทย
อาหารที่ชอบ : ข้าวผัด
สีที่ชอบ : สีเเดง,สีนำเงิน
สัตว์ที่ชอบ : สุนัข
สิ่งที่รัก : พ่อ,แม่
ภาพยนต์ที่ชอบ :แฮร์รี่ พอตเตอร์
เพลงที่ชอบ : ลมหายใจเดียวกัน
งานอดิเรก :  ฟังเพลง อ่านหนังสือ
สถานที่ที่อยากไป : เกาะพีพี
เพื่อนสนิท :  1. นาย ยงยุทธ ศิริสำราญ
                    2. นาย ศราวุธ ก่ำรัมย์
                    3. นาย ณัฐนันท์ ชอบรู้
คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
อีเมล : chaiwad54@gmail.com

โทรศัพท์ : 093-4157-269
แผนที่บ้าน

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

หัวไชโป้ว

ดาวน์โหลด (4)       

 images (15)
หัวไชโป้ว(Pickle turnip) หรือ หัวไชเท้าดองเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมรับประทานกันมา ทั้งยังสามารถเก็บไว้บริโภคได้นานทั้งปี หัวไชเท้าดองมีด้วยกัน 2 ชนิด คือ หัวไชโป้วดองเค็ม และ หัวไชโป้วหวานอาหารที่นิยมใช้หัวไชโป๊วมาเป็นส่วนประกอบได้แก่ หัวไชโป๊วดองเค็มผัดกับไข่ ไข่เจียวไชโป๊ว และในหน้าร้อนคนไทยนิยมรับประทานข้าวแช่ ซึ่งก็มีหัวไชโป๊วผัดหวานเป็นเครื่องเคียงด้วยเช่นกันหัวไชโป๊ว มีสรรพคุณ ล้างพิษ ขับพิษในร่างกาย ช่วยให้เจริญอาหาร แถมยังช่วยให้นอนหลับง่ายอีกด้วยผักกาดหัวหรือหัวไชเท้า (Raphanus sativus Linn) เป็นพืชพื้นเมือง ของเอเชีย นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย เนื่องจากเป็นพืชที่ ปลูกง่าย เติบโตเร็ว แต่มีข้อเสียว่า เมื่อถึงกำหนดเก็บเกี่ยวแล้วจะต้องถอน หัวขึ้นมาทันที เพราะหากปล่อยไว้จะทำให้หัวฟ่าม ขายได้ราคาต่ำ เหตุนี้จึง ทำให้เกษตรกรต้องรีบขายหัวผักกาดนี้ไปโดยเร็ว ถึงแม้จะได้ราคาน้อย ก็ตามการแปรรูปผักกาดหัวให้เป็นผักกาดเค็ม ผักกาดดองหวานที่เรียกว่า หัวไชโป๊ว เป็นวิธีถนอมอาหารอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เกษตรกรไม่จำเป็นต้องรีบ ขายหัวผักกาดสดให้แก่พ่อค้าไปในราคาถูก หัวผักกาดเค็มเป็นอาหารอีก ชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมรับประทานกันมาก และยังสามารถเก็บไว้บริโภคได้ ทั้งปีหลังจากที่เหลือจากการจำหน่ายแล้ว
อุปกรณ์และวิธีทำวัตถุดิบ 
1. หัวผักกาด หัวผักกาดที่เหมาะในการทำหัวผักกาดเค็ม ควรจะ เป็นหัวผักกาดที่ยังใหม่ อ่อนและสด ควรเป็นพันธุ์หนักเพราะเป็นพันธุ์ที่มี เนื้อแน่น เมื่อแปรรูปแล้วจะได้หัวไชโป๊วที่มีลักษณะตรงกับความต้องการของ ตลาด เก็บเกี่ยวในช่วงอายุระหว่าง 42-48 วัน หลังปลูก
2. เกลือ
3. น้ำสะอาด
อุปกรณ์
 1. มีด
2. ภาชนะ เช่น ไห อ่างหรือขวด สำหรับบรรจุหัวผักกาดเค็ม
3. กระด้ง
4. ถุงผ้าวิธีทำ 
ก. การทำหัวผักกาดเค็ม
1. นำหัวผักกาดมาตัดขั้วหัวท้ายออก ล้างดินออกให้ สะอาด
2. เมื่อสะเด็ดน้ำแล้วนำไปผึ่งแดดนาน 6-8 ชั่วโมง
3. นำหัวผักกาดมาคลึงกับเกลือบนตะแกรงหรือกระด้งพอ ผิวช้ำอมเกลือทั่ว
4. หมักหัวผักกาดลงใส่อ่างทิ้งไว้ 1 คืน รุ่งขึ้นจึงโรยเกลือ ให้ทั่วแล้วนำไปผึ่งแดดตลอดวัน
5. ตอนเย็นเก็บใส่ถุงผ้าหนา ๆ หรือกระสอบ ทับด้วยของ หนัก ๆ ให้น้ำตก
6. รุ่งเช้านำไปผึ่งแดดอีกครั้งหนึ่ง ทำซ้ำ ๆ จนหัวผักกาดมี สีคล้ำจึงหยุดไม่ใส่เกลือและน้ำ เพียงแต่ผึ่งแดดต่อไปจนเป็นสีน้ำตาลแก่ ใช้ระยะเวลาประมาณ 7 วัน
7. นำหัวผักกาดที่ได้นี้บรรจุใส่ไหหรือขวดที่นึ่งแล้ว ปิดฝา อัดแน่นให้เรียบร้อย ถ้าชอบให้มีรสหวานให้ใส่น้ำตาลปี๊บและใส่น้ำพอสมควรนำลงเคล้าผสมด้วย หลังจากเก็บไว้ 7 วัน สามารถนำมาบริโภค หรือเก็บไว้บริโภคได้ทั้งปี
ข. การทำหัวผักกาดดองหวาน
1. นำหัวผักกาดที่ทำเค็มแล้วอย่างชนิดหัวเล็กมาแช่น้ำสาร ส้มประมาณ 2 ชั่วโมง
2. เตรียมน้ำเชื่อม อัตราส่วนน้ำเชื่อม 1 ส่วนต่อผักกาดหัว สองส่วน น้ำเชื่อมนี้ควรใส่ใบเตยหรือน้ำกาแฟเล็กน้อย
3. นำขึ้นผึ่งให้สะเด็ดน้ำแล้วใส่ไห
4. ใส่น้ำเชื่อมที่ตั้งทิ้งไว้ให้เย็นแล้วลงไปในไหจนท่วมหัว ผักกาด แช่ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 วัน
5. นำขึ้นผึ่งให้สะเด็ดน้ำ แล้วบรรจุถุงจำหน่ายหรือไว้ใช้ รับประทานต่อไป
ค. การทำหัวผักกาดแก้ว
1. ล้างหัวผักกาดให้สะอาด ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นยาวพอ ประมาณ
2. แช่น้ำปูนใสประมาณ 1 ชั่วโมง ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ เคล้า เกลือให้ทั่วแล้วหมักไว้นาน 2 ชั่วโมง นำใส่ถุงผ้าหาของหนัก ๆ ทับให้น้ำตก
3. วันรุ่งขึ้นใส่ตะแกรงผึ่งแดดพอหมาด ๆ แดดเดียวก็พอ
4. ต้มน้ำปลา 1 ขวด กับน้ำตาลทราย 12 ช้อนโต๊ะเคี่ยว ให้เดือด ทิ้งไว้จนเย็น
5. นำน้ำปรุงรสนี้เทใส่ลงบนหัวผักกาดผึ่งแดดที่ได้จัดเรียง ไว้ในภาชนะจนท่วม
6. อุ่นน้ำปรุงรสทุกวัน ทิ้งไว้จนเย็นแล้วจึงนำหัวผักกาดแช่ ลงไปใหม่ ทำเช่นนี้ทุกวันจนครบ 15 วัน จึงนำมารับประทานได้การที่อุ่นน้ำปรุงรสทุกวันเพื่อป้องกันการบูดเน่า การแปรรูปหัวผักกาดนี้นับว่าเป็นประโยชน์กับเกษตรกรอย่างมาก ทำให้เกษตรกรไม่จำต้อง รีบขายผักกาดหัวให้แก่พ่อค้าคนกลางในราคาที่ไม่เป็นธรรมอีกต่อไป

ไชโป๊วหวานผัดไข่

ส่วนประกอบ

  • หัวไชโป๊วหวานหั่นเป็นเส้น 100 กรัม
  • ไข่ 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 1 ช้อนชา
  • กระเทียมบุบ หรือหอมแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  • ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางจนร้อน ใส่กระเทียมหรือหัวหอมแดงลงไปเจียวให้หอม
  • ใส่ไชโป๊วลงไปผัดให้เข้ากัน พอให้เส้นไชโป๊วสุกพอง ปรุงรสด้วยคนอร์อร่อยชัวร์ ตามด้วยน้ำตาลทราย โดยค่อยๆ ใส่ ชิมดูให้ได้รสชาติตามต้องการ
  • จากนั้นใส่ไข่ลงไปตรงกลาง พอสุกกลับไข่อีกด้าน (ไข่ขาวไข่แดงไม่ถึงกับรวมเป็นเนื้อเดียวกัน)
  • แล้วผัดกลับไปกลับมาจนไข่สุก จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้
  • หมายเหตุ ไชโป๊วที่นำมาผัดควรชิมรสชาติก่อนว่าหวานเค็มมากน้อยแค่ไหน เพราะแต่ละยี่ห้อรสชาติจะไม่เหมือนกัน ถ้าเค็มมากให้ล้างน้ำสัก 1 ครั้งบีบน้ำออกให้แห้ง และชิมดูว่ารสชาติหวาน เค็มมากน้อยแค่ไหน เผื่อตอนปรุงจะได้ไม่จัดเกินไป


ไชโป๊ หรือ หัวไชโป๊ เป็นผักกาดหัวดอง มีสองแบบคือดองเค็มซึ่งเป็นการโรยเกลือสลับกับผักกาดหัวเป็นชั้นๆ ทับด้วยของหนัก ใช้เวลาประมาณ 10 วัน อีกแบบคือใชโป๊หวาน นำหัวผักกาดมาตากแดดตอนกลางวัน ตอนกลางคืนเรียงในบ่อ โรยเกลือสลับ ทำสลับระหว่างตากแดดและหมักเกลือ 5-6 วัน จึงนำไปดองแบบดองเค็ม ตากแดด 3-4 แดด จากนั้นโรยน้ำตาลทรายแดง ผงโป๋ยกั๋ก เหล้าจีน ขยำให้เข้ากัน อัดใส่ไหหมักไว้ 1 เดือน ไชโป๊นี้ทำอาหารได้หลายชนิด เช่น ใส่ไข่เจียว ยำกับพริก มะนาวดอง ใส่ในผัดไทยและก๋วยเตี๋ยวชากังราว











ที่มาhttp://www.tistr.or.th/t/publication/page_area_show_bc.asp?i1=76&i2=36

      http://th.wikipedia.org/
      
       www.google.co.th/